สุขสร้างได้
ขอขอบพระคุณผู้มีอุประคุณทุกท่าน
บล็อกดีดี สรรค์สร้างเพี่มความสุขสำหรับคุณและคนที่คุณรัก
ในประเทศมาเลเซียจะใช้รากเป็นยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ออกฤทธิ์กระตุ้นความรู้สึกทางเพศในหนูทดลองตัวผู้ ในหนูหนุ่มที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ พบว่า สารสกัดจากรากปลาไหลเผือกสามารถช่วยปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ เพิ่มความทนทานในการมีเพศสัมพันธ์ได้ดีและนานกว่าหนูในกลุ่มควบคุม
ปลาไหลเผือก Tongkar ali
สรรพคุณของปลาไหลเผือก
รากใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย คนเดินป่านิยมกันนัก เพราะจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง อดทน ช่วยคลายอาการปวดเมื่อย ป้องกันและรักษาไข้ป่าในระหว่างการเดินทาง (ราก) ส่วนทางภาคใต้จะใช้ทั้งแก่นและรากนำมาต้มกับน้ำกินวันละ 3-4 ครั้ง และช่วงก่อนนอนเป็นยาโด๊ปชั้นยอดที่ช่วยบำรุงกำลังและบำรุงสมรรถภาพทางเพศ ทำให้เลือดไหลเวียนดี (แก่นและราก)
ใช้เป็นยาบำรุงโลหิต (ไม่ระบุส่วนที่ใช้ แต่เข้าใจว่าคือส่วนของราก)
ช่วยรักษาความดันโลหิตสูง (ราก)
รากมีรสขม เบื่อเมาเล็กน้อย ใช้เป็นยาถ่ายพิษต่าง ๆ ทุกชนิด ถ่ายฝีในท้อง ถ่ายพิษไข้ พิษเสมหะ และโลหิต (ราก) รากปลาไหลเผือก ใช้ผสมกับรากย่านางแดงและพญายา นำมาฝนกับน้ำกินเป็นยาขับพิษ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไข้ทุกชนิด แก้ไข้เรื้อรัง เป็นยาลดไข้ แก้ไข้มาลาเรีย ไข้จับสั่น ตัดไข้ทุกชนิด ตามตำรับยาจะใช้รากแห้งหนักประมาณ 8-15 กรัมหรือครั้งละ 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำดื่มก่อนอาหาร วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น (ราก) การใช้เป็นยาตัดไข้ ให้ใช้รากแห้งนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ประมาณ 1 กำมือ แล้วนำมาต้มกับน้ำดื่มก่อนอาหาร เช้าและเย็น (ราก) ส่วนทางภาคใต้จะใช้รากต้มกินเพื่อป้องกันและรักษาไข้ป่า (ราก)
เปลือกลำต้นนำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้ไข้จับสั่น แก้ไข้สันนิบาต แก้ไข้พิษ ไข้ทรพิษ แก้ไข้เหือดหัด ไข้กาฬนกนางแอ่น (เปลือกต้น) ช่วยขับเหงื่อ (ราก)
สำหรับผู้ป่วยโรคเอดส์มักจะติดเชื้อได้ง่ายและเป็นไข้อยู่บ่อย ๆ ก็อาจจะใช้รากของต้นปลาไหลเผือกนำมาต้มกินก็ได้ (ราก)
ช่วยแก้วัณโรค วัณโรคระยะบวมขึ้น แก้กาฬโรค (ราก) ใช้รากปลาไหลเผือก รากโลดทะนงแดง และพญาไฟ นำมาฝนกับน้ำกินเป็นยาทำให้อาเจียน ใช้เลิกเหล้า (ราก) รากใช้ภายนอกเป็นยาพอกแก้อาการปวดศีรษะ (ราก)
ช่วยแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้อาการเจ็บคอ (ราก)
ช่วยรักษาโรคคอพอก ด้วยการใช้ตำรับยาสามราก นำมาฝนกับน้ำมะนาว ใส่เกลือทะเล เติมน้ำใส่ขวดไว้ใช้กินต่างน้ำประมาณ 2 เดือน อาการคอพอกก็จะค่อย ๆ ยุบไป จนหายเป็นปกติ (ราก)
ตำรายาไทยใช้รากเป็นยาแก้ลม (ราก)
ช่วยแก้พิษสำแดง (ไม่ระบุส่วนที่ใช้ แต่เข้าใจว่าคือส่วนของราก)
รากใช้ฝนกับน้ำกินหรือฝนกับน้ำปูนใสกินเป็นยาแก้อาการปวดท้อง แก้อาการปวดท้องอย่างแรงจากโรคกระเพาะหรือกระเพาะอาหารอักเสบเฉียบพลัน (ราก)
ช่วยแก้ท้องมาน ท้องร่วง (ราก)
ช่วยแก้อาการท้องผูก (ราก)
ช่วยแก้ฝีในท้อง ฝีในอก (วัณโรค) ด้วยการใช้ปลาไหลเผือกนำมาเคี้ยวกินได้เลย หรือจะนำมาต้มกินก่อนอาหารเช้าและเย็นก็ได้ (ราก)
รากใช้เป็นยาขับพยาธิ (ราก)
รากใช้ผสมกับรากผักติ้วและหญ้าแห้วหมู นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ปัสสาวะขัด (ราก)
เปลือกลำต้นนำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้เบาพิการ (เปลือกต้น)
ในประเทศมาเลเซียจะใช้รากเป็นยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศและเป็นยาบำรุงหลังการคลอดบุตร (ราก)
รากใช้ภายนอกเป็นยาพอกปิดบาดแผลพุพอง (ราก) ใช้แก้ฝี แผลพุพอง แผลเรื้อรัง ให้ใช้รากผสมกับน้ำปูนใสแล้วนำมาใช้ทา (ราก)
ต้นและรากนำมาต้มกับน้ำหรือแช่ในน้ำ ใช้อาบแก้ผื่นคันที่เกิดจากการแพ้อากาศหรือจากการแพ้สารเคมี (ต้นและราก)
ใช้รักษาผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อ (ราก)
ช่วยบรรเทาอาการผื่นคันบริเวณผิวหนัง (ราก)
รากใช้เป็นยาแก้พิษทุกชนิด พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย พิษฝีทั้งภายนอกและภายใน (ราก)
ทางภาคใต้จะใช้รากต้มกินเป็นยาแก้อาการปวดเมื่อย แก้ปวดทั่วไป ปวดข้อ ปวดตามร่างกาย แก้บวม แก้บิด (ราก) แก้โรคปวดเอว (ราก)
ช่วยรักษาโรคอัมพาต (ราก)
รากปลาไหลเผือกจัดอยู่ในตำรับ ?ยาประสะเหมือดคน? ซึ่งเป็นตำรับยาแก้ไข้ แก้ร้อนใน และเป็นส่วนประกอบในตำรับ ?ยาจันทน์ลีลา? หรือ ?ยาจันทลีลา? (โกฐสอ, โกฐเขมา, โกฐจุฬาลัมพา, จันทน์แดง, จันทน์เทศ, เถาบอระเพ็ด, ลูกกระดอม, รากปลาไหลเผือกอย่างละ 4 ส่วน และพิมเสนอีก 1 ส่วน นำมาบดเป็นผง ทำเป็นยาเม็ดขนาด 500 มิลลิกรัม ใช้กินเวลามีไข้ครั้งละ 2-4 เม็ด ทุก ๆ 4 ชั่วโมง) เป็นตำรับที่มีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้ตัวร้อน แก้หวัด แก้ไข้เปลี่ยนฤดู และยังอยู่ในตำรับ ?ยาแก้ไข้ห้าราก? อีกด้วย (ราก)
รากปลาไหลเผือกจัดอยู่ในตำรับ ?ยาสามราก? ซึ่งประกอบไปด้วยพญารากเดี่ยว (รากปลาไหลเผือก), รากโลดทะนง และรากฮังฮ้อน (พญารากไฟ) โดยเป็นตำรับยาที่มีสรรพคุณทำให้อาเจียนและถ่าย ใช้เป็นยาล้างพิษสารเสพติด ใช้บำบัดผู้ป่วยที่ติดยาเสพติด ช่วยแก้อาการลงแดงจากยาเสพติดได้ (ตามข้อมูลระบุว่าให้ใช้รากทั้งสามนำมาฝนกับน้ำมะนาวกินก่อนอาหาร เช้าและเย็น หรืออาจต้มกับน้ำดื่มก็ได้) (ราก)
รากใช้ผสมในตำรับ ?ยาจันทลิ้นลา? ซึ่งเป็นตำรับยาแก้ไข้ รักษาอาการชัก (ราก)
นอกจากนี้รากปลาไหลเผือกยังมีสรรพคุณอื่น ๆ อีก เช่น คุณสมบัติการต้านโรคของอาการภูมิแพ้ต่าง ๆ ต้านเซลล์มะเร็ง ต้านเชื้อไวรัส ฆ่าเชื้อมาลาเรีย และความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในมาเลเซีย
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของปลาไหลเผือก
รากปลาไหลเผือกมีฤทธิ์ต้านมาลาเรีย ลดไข้ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความวิตกกังวล ออกฤทธิ์กระตุ้นความรู้สึกทางเพศในหนูทดลองตัวผู้ มีความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง ช่วยต้านการก่อเกิดเนื้องอก และมีสารต้านการอักเสบ
ฤทธิ์ในการลดระดับความดันเลือด จากการใช้สารสกัดจากรากปลาไหลเผือก ที่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ 50% แล้วนำไปทดลองด้วยวิธีการฉีดเข้าไปในหลอดเลือดของสุนัข พบว่าไม่สามารถลดความดันโลหิตได้
ฤทธิ์การต้านแพ้ จากการสกัดสารจากรากสดของต้นปลาไหลเผือกด้วยแอลกอฮอล์ 50% ในความเข้มข้นถึง 0.01 กรัมต่อซีซี แล้วทำการทดลองกับลำไส้ของหนูตะเภาที่ตัดแยกจากลำตัว พบว่าทำให้กล้ามเนื้อเรียบเกิดการคลายตัว และยังสามารถต้านฤทธิ์ของ Histamine ได้อีกด้วย
ฤทธิ์ต้านมะเร็งและเชื้อ HIV จากการตรวจสอบเบื้องต้นสำหรับฤทธิ์การต้านมะเร็งพบว่า สารสกัดจากปลาไหลเผือกเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งปอดและมะเร็งเต้านม นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อเอดส์อีกด้วย มีข้อมูลระบุว่าสมุนไพรชนิดนี้มีสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ที่มีฤทธิ์เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidance)
ฤทธิ์ลดไข้ จากการสกัดสารจากรากแห้งของต้นปลาไหลเผือกด้วยแอลกอฮอล์ 50% แล้วทำการทดลองให้สารสกัดที่ได้ผ่านทางสายยาเข้าช่องท้องของกระต่ายทดลองที่ถูกกระตุ้นด้วยยีสต์ให้เป็นไข้ พบว่าไม่มีผลต่อการลดไข้เลย
ฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรีย รากพบสารออกฤทธิ์ที่มีรสขมในกลุ่ม quassinoids ได้แก่ eurycomanone, eurycomanol, eurycomalactone ซึ่งทั้งสามชนิดนี้มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและยับยั้งการเจริญเติบของเชื้อมาลาเรียชนิดฟัลซิพารัม (Plasmodium falciparum) ในหลอดทดลอง และจากการสกัดสารที่เปลือกรากแห้ง ด้วยแอลกอฮอล์ 50% พบว่ามีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อมาลาเรียชนิด Plasmodium falciparum ได้ดีเช่นเดียวกับสารที่สกัดด้วยน้ำ
ฤทธิ์เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ได้มีการศึกษาทดลองทั้งหนูทดลองสูงอายุ ในหนูที่มีอายุปานกลาง และในหนูหนุ่มที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ พบว่า สารสกัดจากรากปลาไหลเผือกสามารถช่วยปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ เพิ่มความทนทานในการมีเพศสัมพันธ์ได้ดีและนานกว่าหนูในกลุ่มควบคุม แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการศึกษานี้ในคนถึงประสิทธิผลของสมุนไพรชนิดนี้
ฤทธิ์กระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย มีการศึกษาพบว่า สารสกัดจากรากสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย หรือ Testosterone ได้ จนนำไปสู่การจดสิทธิบัตรสารเคมีและวิธีการสกัด โดยมีสรรพคุณในการช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อและเพิ่มความแข็งแรงของนักกีฬา ความเป็นพิษ จากการทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันของสารสกัดจากรากปลาไหลเผือกด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูทดลองกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (คิดเป็น 1,786 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดที่ใช้รักษาในคน) และทำการทดลองโดยการฉีดเข้าทางใต้ผิวหนังของหนูทดลองในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ไม่พบว่ามีอาการเป็นพิษ ซึ่งสอดคล้องกับกองวิจัยทางแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่รายงานว่าไม่มีพิษ
แต่อีกข้อมูลจากหนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม) ได้ระบุว่าเมื่อใช้ ?สารสกัดชนิดหนึ่ง? (ไม่ได้ระบุว่าชนิดไหน) ที่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ แล้วทำการฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังและทางช่องท้องในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม พบว่าเกิดเป็นพิษในหนูถีบจักรทดลอง คือทำให้เกิดอาการชักกระตุก หายใจลึก และทำให้หัวใจหยุดเต้นในท่าบีบตัว
รากใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย คนเดินป่านิยมกันนัก เพราะจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง อดทน ช่วยคลายอาการปวดเมื่อย ป้องกันและรักษาไข้ป่าในระหว่างการเดินทาง (ราก) ส่วนทางภาคใต้จะใช้ทั้งแก่นและรากนำมาต้มกับน้ำกินวันละ 3-4 ครั้ง และช่วงก่อนนอนเป็นยาโด๊ปชั้นยอดที่ช่วยบำรุงกำลังและบำรุงสมรรถภาพทางเพศ ทำให้เลือดไหลเวียนดี (แก่นและราก)
ใช้เป็นยาบำรุงโลหิต (ไม่ระบุส่วนที่ใช้ แต่เข้าใจว่าคือส่วนของราก)
ช่วยรักษาความดันโลหิตสูง (ราก)
รากมีรสขม เบื่อเมาเล็กน้อย ใช้เป็นยาถ่ายพิษต่าง ๆ ทุกชนิด ถ่ายฝีในท้อง ถ่ายพิษไข้ พิษเสมหะ และโลหิต (ราก) รากปลาไหลเผือก ใช้ผสมกับรากย่านางแดงและพญายา นำมาฝนกับน้ำกินเป็นยาขับพิษ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ไข้ทุกชนิด แก้ไข้เรื้อรัง เป็นยาลดไข้ แก้ไข้มาลาเรีย ไข้จับสั่น ตัดไข้ทุกชนิด ตามตำรับยาจะใช้รากแห้งหนักประมาณ 8-15 กรัมหรือครั้งละ 1 กำมือ นำมาต้มกับน้ำดื่มก่อนอาหาร วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น (ราก) การใช้เป็นยาตัดไข้ ให้ใช้รากแห้งนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ประมาณ 1 กำมือ แล้วนำมาต้มกับน้ำดื่มก่อนอาหาร เช้าและเย็น (ราก) ส่วนทางภาคใต้จะใช้รากต้มกินเพื่อป้องกันและรักษาไข้ป่า (ราก)
เปลือกลำต้นนำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้ไข้จับสั่น แก้ไข้สันนิบาต แก้ไข้พิษ ไข้ทรพิษ แก้ไข้เหือดหัด ไข้กาฬนกนางแอ่น (เปลือกต้น) ช่วยขับเหงื่อ (ราก)
สำหรับผู้ป่วยโรคเอดส์มักจะติดเชื้อได้ง่ายและเป็นไข้อยู่บ่อย ๆ ก็อาจจะใช้รากของต้นปลาไหลเผือกนำมาต้มกินก็ได้ (ราก)
ช่วยแก้วัณโรค วัณโรคระยะบวมขึ้น แก้กาฬโรค (ราก) ใช้รากปลาไหลเผือก รากโลดทะนงแดง และพญาไฟ นำมาฝนกับน้ำกินเป็นยาทำให้อาเจียน ใช้เลิกเหล้า (ราก) รากใช้ภายนอกเป็นยาพอกแก้อาการปวดศีรษะ (ราก)
ช่วยแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้อาการเจ็บคอ (ราก)
ช่วยรักษาโรคคอพอก ด้วยการใช้ตำรับยาสามราก นำมาฝนกับน้ำมะนาว ใส่เกลือทะเล เติมน้ำใส่ขวดไว้ใช้กินต่างน้ำประมาณ 2 เดือน อาการคอพอกก็จะค่อย ๆ ยุบไป จนหายเป็นปกติ (ราก)
ตำรายาไทยใช้รากเป็นยาแก้ลม (ราก)
ช่วยแก้พิษสำแดง (ไม่ระบุส่วนที่ใช้ แต่เข้าใจว่าคือส่วนของราก)
รากใช้ฝนกับน้ำกินหรือฝนกับน้ำปูนใสกินเป็นยาแก้อาการปวดท้อง แก้อาการปวดท้องอย่างแรงจากโรคกระเพาะหรือกระเพาะอาหารอักเสบเฉียบพลัน (ราก)
ช่วยแก้ท้องมาน ท้องร่วง (ราก)
ช่วยแก้อาการท้องผูก (ราก)
ช่วยแก้ฝีในท้อง ฝีในอก (วัณโรค) ด้วยการใช้ปลาไหลเผือกนำมาเคี้ยวกินได้เลย หรือจะนำมาต้มกินก่อนอาหารเช้าและเย็นก็ได้ (ราก)
รากใช้เป็นยาขับพยาธิ (ราก)
รากใช้ผสมกับรากผักติ้วและหญ้าแห้วหมู นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ปัสสาวะขัด (ราก)
เปลือกลำต้นนำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้เบาพิการ (เปลือกต้น)
ในประเทศมาเลเซียจะใช้รากเป็นยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศและเป็นยาบำรุงหลังการคลอดบุตร (ราก)
รากใช้ภายนอกเป็นยาพอกปิดบาดแผลพุพอง (ราก) ใช้แก้ฝี แผลพุพอง แผลเรื้อรัง ให้ใช้รากผสมกับน้ำปูนใสแล้วนำมาใช้ทา (ราก)
ต้นและรากนำมาต้มกับน้ำหรือแช่ในน้ำ ใช้อาบแก้ผื่นคันที่เกิดจากการแพ้อากาศหรือจากการแพ้สารเคมี (ต้นและราก)
ใช้รักษาผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อ (ราก)
ช่วยบรรเทาอาการผื่นคันบริเวณผิวหนัง (ราก)
รากใช้เป็นยาแก้พิษทุกชนิด พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย พิษฝีทั้งภายนอกและภายใน (ราก)
ทางภาคใต้จะใช้รากต้มกินเป็นยาแก้อาการปวดเมื่อย แก้ปวดทั่วไป ปวดข้อ ปวดตามร่างกาย แก้บวม แก้บิด (ราก) แก้โรคปวดเอว (ราก)
ช่วยรักษาโรคอัมพาต (ราก)
รากปลาไหลเผือกจัดอยู่ในตำรับ ?ยาประสะเหมือดคน? ซึ่งเป็นตำรับยาแก้ไข้ แก้ร้อนใน และเป็นส่วนประกอบในตำรับ ?ยาจันทน์ลีลา? หรือ ?ยาจันทลีลา? (โกฐสอ, โกฐเขมา, โกฐจุฬาลัมพา, จันทน์แดง, จันทน์เทศ, เถาบอระเพ็ด, ลูกกระดอม, รากปลาไหลเผือกอย่างละ 4 ส่วน และพิมเสนอีก 1 ส่วน นำมาบดเป็นผง ทำเป็นยาเม็ดขนาด 500 มิลลิกรัม ใช้กินเวลามีไข้ครั้งละ 2-4 เม็ด ทุก ๆ 4 ชั่วโมง) เป็นตำรับที่มีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้ตัวร้อน แก้หวัด แก้ไข้เปลี่ยนฤดู และยังอยู่ในตำรับ ?ยาแก้ไข้ห้าราก? อีกด้วย (ราก)
รากปลาไหลเผือกจัดอยู่ในตำรับ ?ยาสามราก? ซึ่งประกอบไปด้วยพญารากเดี่ยว (รากปลาไหลเผือก), รากโลดทะนง และรากฮังฮ้อน (พญารากไฟ) โดยเป็นตำรับยาที่มีสรรพคุณทำให้อาเจียนและถ่าย ใช้เป็นยาล้างพิษสารเสพติด ใช้บำบัดผู้ป่วยที่ติดยาเสพติด ช่วยแก้อาการลงแดงจากยาเสพติดได้ (ตามข้อมูลระบุว่าให้ใช้รากทั้งสามนำมาฝนกับน้ำมะนาวกินก่อนอาหาร เช้าและเย็น หรืออาจต้มกับน้ำดื่มก็ได้) (ราก)
รากใช้ผสมในตำรับ ?ยาจันทลิ้นลา? ซึ่งเป็นตำรับยาแก้ไข้ รักษาอาการชัก (ราก)
นอกจากนี้รากปลาไหลเผือกยังมีสรรพคุณอื่น ๆ อีก เช่น คุณสมบัติการต้านโรคของอาการภูมิแพ้ต่าง ๆ ต้านเซลล์มะเร็ง ต้านเชื้อไวรัส ฆ่าเชื้อมาลาเรีย และความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในมาเลเซีย
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของปลาไหลเผือก
รากปลาไหลเผือกมีฤทธิ์ต้านมาลาเรีย ลดไข้ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความวิตกกังวล ออกฤทธิ์กระตุ้นความรู้สึกทางเพศในหนูทดลองตัวผู้ มีความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง ช่วยต้านการก่อเกิดเนื้องอก และมีสารต้านการอักเสบ
ฤทธิ์ในการลดระดับความดันเลือด จากการใช้สารสกัดจากรากปลาไหลเผือก ที่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ 50% แล้วนำไปทดลองด้วยวิธีการฉีดเข้าไปในหลอดเลือดของสุนัข พบว่าไม่สามารถลดความดันโลหิตได้
ฤทธิ์การต้านแพ้ จากการสกัดสารจากรากสดของต้นปลาไหลเผือกด้วยแอลกอฮอล์ 50% ในความเข้มข้นถึง 0.01 กรัมต่อซีซี แล้วทำการทดลองกับลำไส้ของหนูตะเภาที่ตัดแยกจากลำตัว พบว่าทำให้กล้ามเนื้อเรียบเกิดการคลายตัว และยังสามารถต้านฤทธิ์ของ Histamine ได้อีกด้วย
ฤทธิ์ต้านมะเร็งและเชื้อ HIV จากการตรวจสอบเบื้องต้นสำหรับฤทธิ์การต้านมะเร็งพบว่า สารสกัดจากปลาไหลเผือกเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งปอดและมะเร็งเต้านม นอกจากนั้นยังมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อเอดส์อีกด้วย มีข้อมูลระบุว่าสมุนไพรชนิดนี้มีสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ที่มีฤทธิ์เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidance)
ฤทธิ์ลดไข้ จากการสกัดสารจากรากแห้งของต้นปลาไหลเผือกด้วยแอลกอฮอล์ 50% แล้วทำการทดลองให้สารสกัดที่ได้ผ่านทางสายยาเข้าช่องท้องของกระต่ายทดลองที่ถูกกระตุ้นด้วยยีสต์ให้เป็นไข้ พบว่าไม่มีผลต่อการลดไข้เลย
ฤทธิ์ต้านเชื้อมาลาเรีย รากพบสารออกฤทธิ์ที่มีรสขมในกลุ่ม quassinoids ได้แก่ eurycomanone, eurycomanol, eurycomalactone ซึ่งทั้งสามชนิดนี้มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและยับยั้งการเจริญเติบของเชื้อมาลาเรียชนิดฟัลซิพารัม (Plasmodium falciparum) ในหลอดทดลอง และจากการสกัดสารที่เปลือกรากแห้ง ด้วยแอลกอฮอล์ 50% พบว่ามีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อมาลาเรียชนิด Plasmodium falciparum ได้ดีเช่นเดียวกับสารที่สกัดด้วยน้ำ
ฤทธิ์เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ได้มีการศึกษาทดลองทั้งหนูทดลองสูงอายุ ในหนูที่มีอายุปานกลาง และในหนูหนุ่มที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ พบว่า สารสกัดจากรากปลาไหลเผือกสามารถช่วยปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ เพิ่มความทนทานในการมีเพศสัมพันธ์ได้ดีและนานกว่าหนูในกลุ่มควบคุม แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการศึกษานี้ในคนถึงประสิทธิผลของสมุนไพรชนิดนี้
ฤทธิ์กระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย มีการศึกษาพบว่า สารสกัดจากรากสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนเพศชาย หรือ Testosterone ได้ จนนำไปสู่การจดสิทธิบัตรสารเคมีและวิธีการสกัด โดยมีสรรพคุณในการช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อและเพิ่มความแข็งแรงของนักกีฬา ความเป็นพิษ จากการทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันของสารสกัดจากรากปลาไหลเผือกด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูทดลองกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (คิดเป็น 1,786 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดที่ใช้รักษาในคน) และทำการทดลองโดยการฉีดเข้าทางใต้ผิวหนังของหนูทดลองในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ไม่พบว่ามีอาการเป็นพิษ ซึ่งสอดคล้องกับกองวิจัยทางแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่รายงานว่าไม่มีพิษ
แต่อีกข้อมูลจากหนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย (ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม) ได้ระบุว่าเมื่อใช้ ?สารสกัดชนิดหนึ่ง? (ไม่ได้ระบุว่าชนิดไหน) ที่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ แล้วทำการฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังและทางช่องท้องในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม พบว่าเกิดเป็นพิษในหนูถีบจักรทดลอง คือทำให้เกิดอาการชักกระตุก หายใจลึก และทำให้หัวใจหยุดเต้นในท่าบีบตัว
๏ปฟ